ฉลากสินค้าคืออะไร ? รู้ครบในที่เดียว
ฉลากสินค้าไม่เพียงแค่บอกชื่อแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักเท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างความน่าเชื่อถือและไว้วางใจให้แก่ผู้บริโภค ดังนั้นผู้ประกอบการจึงควรเข้าใจเกี่ยวกับส่วนประกอบและประโยชน์ของฉลากสินค้า เพื่อนำมาใช้สร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผลิตภัณฑ์ ส่งเสริมให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ฉลากสินค้าคืออะไร มีส่วนประกอบอย่างไรบ้าง ?
ฉลากสินค้า คือ สื่อที่ติดอยู่บนบรรจุภัณฑ์เพื่อแสดงข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ ซึ่งถ้าสงสัยว่าฉลากสินค้ามีความสำคัญอย่างไรก็สามารถอธิบายให้เห็นภาพได้ง่าย ๆ ว่าฉลากทำหน้าที่เหมือน "หน้าต่าง" ที่บอกให้ผู้บริโภคเห็นถึงคุณภาพ ความปลอดภัย และวิธีการใช้งาน โดยเฉพาะในยุคที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับข้อมูลและรายละเอียดต่าง ๆ มากขึ้น ฉลากสินค้าจึงกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อ
ส่วนประกอบที่ต้องมีในฉลากสินค้า
- ชื่อสินค้า
ส่วนประกอบของฉลากสินค้าที่สำคัญที่สุด เนื่องจากชื่อคือสิ่งที่บ่งบอกถึงตัวตนของสินค้า เช่น แบรนด์ ชื่อรุ่น หรือประเภทของผลิตภัณฑ์ การตั้งชื่อที่ชัดเจนและน่าสนใจช่วยสร้างความจดจำให้แก่ผู้บริโภค - ส่วนประกอบ
อีกหนึ่งส่วนประกอบของฉลากสินค้าที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะสินค้าสำหรับการอุปโภคบริโภค เพราะคือสิ่งที่ระบุว่าสินค้าผลิตจากอะไร เช่น องค์ประกอบทางเคมีในเครื่องสำอาง วัตถุดิบในอาหาร หรือชนิดของวัตถุดิบในสินค้าอุปโภค ข้อมูลนี้ช่วยสร้างความไว้วางใจและโปร่งใส - ปริมาณสุทธิของสินค้า
แสดงน้ำหนักหรือปริมาตรสุทธิ เช่น "500 มล." หรือ "1 กิโลกรัม" เพื่อให้ผู้บริโภคทราบว่าได้รับสินค้าในปริมาณเท่าใด - ปริมาณของส่วนผสมต่าง ๆ
โดยเฉพาะในสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม การระบุข้อมูลทางโภชนาการหรือสัดส่วนของส่วนผสม เช่น ปริมาณน้ำตาล ไขมัน หรือโปรตีน ช่วยให้ผู้บริโภคตัดสินใจได้เหมาะสมกับความต้องการ - วันผลิตและวันหมดอายุ
เป็นข้อมูลที่จำเป็นสำหรับสินค้าที่มีอายุการใช้งานจำกัด เช่น อาหาร เครื่องสำอาง หรือยา - ชื่อและที่อยู่ของบริษัทผู้ผลิตหรือผู้นำเข้า
ข้อมูลนี้ช่วยให้ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบความน่าเชื่อถือของผลิตภัณฑ์และแหล่งที่มา - วิธีใช้
โดยเฉพาะสินค้าที่ต้องการการใช้งานเฉพาะเจาะจง เช่น เครื่องสำอาง อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือยา ข้อมูลนี้ช่วยลดความเสี่ยงในการใช้งานผิดวิธี - ข้อควรระวัง
เช่น สารที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ หรือวิธีจัดเก็บที่เหมาะสม การให้ข้อมูลนี้แสดงถึงความใส่ใจในความปลอดภัยของผู้บริโภค - รหัสบาร์โค้ดของสินค้า
ช่วยในการจัดการระบบคลังสินค้า การสแกนข้อมูล และการติดตามสินค้าในระบบโลจิสติกส์ - ตรารับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เช่น เครื่องหมาย อย. (อาหารและยา) หรือ GMP (มาตรฐานการผลิต) ช่วยสร้างความมั่นใจและแสดงถึงคุณภาพที่ได้รับการยอมรับ
ประเภทของฉลากสินค้ามีอะไรบ้าง ?
ฉลากสินค้าแบ่งออกเป็นประเภทต่าง ๆ ตามวัตถุประสงค์และประโยชน์ของฉลากสินค้า ดังนี้
- ฉลากหลัก (Primary Label)
ฉลากที่มักติดอยู่ด้านหน้าของผลิตภัณฑ์ เป็นสิ่งแรกที่ผู้บริโภคเห็น เช่น ชื่อแบรนด์ ชื่อรุ่นสินค้า หรือภาพลักษณ์ที่เน้นความโดดเด่น
ตัวอย่าง : - ฉลากหน้าขวดน้ำผลไม้ ที่ระบุชื่อแบรนด์และรสชาติ
- ฉลากบนกล่องเครื่องสำอาง ที่เน้นสีสันและโลโก้
- ฉลากรอง (Secondary Label)
ฉลากที่มักอยู่ด้านหลังหรือด้านข้างของผลิตภัณฑ์ ให้ข้อมูลเพิ่มเติม เช่น ส่วนประกอบ วิธีใช้ และข้อควรระวัง
ตัวอย่าง : - ด้านหลังกล่องขนมที่มีข้อมูลโภชนาการ
- ฉลากข้างขวดแชมพูที่ระบุวิธีใช้และส่วนผสม
- ฉลากโปรโมชัน (Promotional Label)
ฉลากที่เพิ่มเข้ามาเพื่อส่งเสริมการขาย เช่น โปรโมชัน ส่วนลด หรือข้อความพิเศษ เช่น "ซื้อ 1 แถม 1"
ตัวอย่าง : - ฉลากสีสดใสที่แสดงข้อความ “ลด 50% วันนี้เท่านั้น”
- คูปองที่แนบมากับผลิตภัณฑ์
ชนิดของการติดฉลากมีอะไรบ้าง ?
เทคโนโลยีและกระบวนการในการติดฉลากมีบทบาทสำคัญต่อการสร้างภาพลักษณ์ของผลิตภัณฑ์ ชนิดของการติดฉลากที่นิยมมีดังนี้
- ฉลากที่ติดด้วยกาว (Glue-applied Label)
เป็นฉลากที่ต้องใช้กาวในการติด เหมาะสำหรับสินค้าจำนวนมาก เช่น ขวดน้ำ หรือกระป๋องเครื่องดื่ม - ฉลากที่ติดด้วยตนเอง (Self-adhesive Label)
มีกาวในตัว สามารถลอกและติดได้ทันที นิยมใช้ในสินค้าที่ต้องการความรวดเร็ว เช่น ฉลากชั่วคราวสำหรับโปรโมชัน - ฉลากที่ติดในแม่พิมพ์ (In-mold Label)
ฉลากที่ฝังตัวเข้าไปในบรรจุภัณฑ์ขณะผลิต เช่น ถ้วยโยเกิร์ตพลาสติก ทำให้ดูเป็นส่วนหนึ่งของบรรจุภัณฑ์ - ฉลากหดรัด (Shrink Sleeve Label)
สามารถหดรัดตัวตามรูปทรงของบรรจุภัณฑ์ เช่น ขวดน้ำอัดลม - ฉลากโฮโลแกรม (Hologram Label)
มีคุณสมบัติป้องกันการปลอมแปลง มักใช้ในสินค้าแบรนด์หรู หรือสินค้าที่ต้องการความปลอดภัยสูง
ประโยชน์ของฉลากสินค้า
ฉลากสินค้าไม่ได้เป็นเพียงองค์ประกอบบรรจุภัณฑ์ แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยสร้างมูลค่าให้ผลิตภัณฑ์ในหลากหลายด้าน โดยประโยชน์ของฉลากสินค้าสามารถสรุปได้ดังนี้
- สื่อสารข้อมูลสินค้า
ฉลากสินค้าคือตัวแทนในการบอกเล่าข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นคุณสมบัติ วิธีใช้ หรือข้อควรระวัง - จำแนกประเภทของสินค้า
การออกแบบฉลากที่แตกต่าง ช่วยให้ผู้บริโภคแยกแยะประเภทสินค้าได้ง่าย เช่น สีสันสำหรับสินค้าเด็ก หรือฉลากพิเศษสำหรับสินค้าออร์แกนิก - สร้างความน่าเชื่อถือและความเชื่อมั่น
ฉลากที่มีข้อมูลครบถ้วน เช่น ตรารับรอง หรือการระบุที่มาของวัตถุดิบ จะช่วยสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภค - ช่วยเพิ่มมูลค่าสินค้า
ฉลากที่สวยงามและโดดเด่น เช่น การใช้ฟอยล์ทองหรือดีไซน์พิเศษ ช่วยเพิ่มความน่าซื้อให้แก่สินค้า - ตรงตามมาตรฐานและข้อกำหนดของกฎหมาย
การติดฉลากที่ถูกต้องช่วยป้องกันปัญหาด้านกฎหมาย และทำให้สินค้าพร้อมสำหรับการจำหน่ายในตลาด
เมื่อทราบแล้วว่าองค์ประกอบของฉลากสินค้ามีอะไรบ้างรวมถึงประโยชน์ของการติดฉลากสินค้าที่ไม่เพียงแต่ช่วยให้ผู้บริโภคเข้าใจผลิตภัณฑ์ได้ดีขึ้น แต่ยังเป็นการเพิ่มความน่าเชื่อถือและภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่แบรนด์อีกด้วย ดังนั้นผู้ประกอบการควรเลือกเครื่องปิดฉลากที่มีความแม่นยำจะช่วยให้การติดฉลากสินค้ามีคุณภาพและได้มาตรฐาน ที่ Asia Engineering Pac เราเป็นบริษัทผลิตเครื่องจักรอุตสาหกรรมอาหาร และผู้นำเข้าเครื่องจักรในกระบวนการผลิตอาหาร ยา สี และเคมี โดยมีเครื่องจักรอุตสาหกรรม เครื่องปิดฉลาก รวมถึงเครื่องบรรจุภัณฑ์ประเภทต่าง ๆ ที่มีความทันสมัยและปลอดภัย เพื่อยกระดับกระบวนการผลิตให้ได้มาตรฐาน สร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภค สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02-806-4501 และ 089-769-1417
ข้อมูลอ้างอิง
- All About Product Labels: Parts, Types, Design Strategies. สืบค้นเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2567 จาก https://meyers.com/meyers-blog/all-about-product-labels/